ศูนย์พระเครื่องจตุคาม

ดูรายการวัตถุมงคล  

รุ่นหลักเมืองพุทธาคมเขาอ้อ
หลักเมืองพุทธาคมเขาอ้อทรงคุณค่า สำนักตักศิลาพุทธาคมวัดเขาอ้อ จ.พัทลุง ประกอบพิธีกรรม 9 วาระมหามงคล สืบสานเจตนารมณ์ประกาศเกียรติคุณและบูรณะพัฒนาสำนักครูบาอาจารย์ โดยคุณณสรรค์ พันธรักษ์ราชเดช



พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช ได้กล่าวถึงวัดเขาอ้อสำนักครูบาอาจารย์ เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ.2545 ในพิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคลรุ่น มงคลจักรวาลพุทธาคมเขาอ้อ ไว้ว่า “สำนักเขาอ้อนี่เป็นสถานที่พิเศษ มีชื่อเสียงมาตั้งแต่ครั้งสมัยพระเจ้าอู่ทองกษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา ก็เป็นโอกาสดีของเรา ถ้าไม่ได้มาเป็นลูกศิษย์สำนักนี้ ข้าพเจ้าจะไม่มีชื่อเสียงอย่างนี้และจะสู้ใครไม่ได้เลย” พ่อท่านกลั่น อัคคธัมโม และ พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช สองปูชนียบุคคลผู้ประกอบคุณงามความดี สนองพระคุณสำนักครูบาอาจารย์ ร่วมกันสร้างชื่อเสียงเกียรติคุณให้สำนักวัดเขาอ้อโด่งดังกว้างไกลทั่วแผ่นดิน อีกทั้งก่อสร้างบูรณะพัฒนาจนสำนักวัดเขาอ้อเจริญมั่นคงถาวรตราบทุกวันนี้ คณะศิษย์เขาอ้อขออาลัยในการจกาไปของปูชณียบุคคลทั้งสองท่านและขอจารึกจดจำไว้ตราบนิรันดร์ สำนักตักศิลามหาเวทเขาอ้อ มีตำนานกล่าวขานกันมานับพันปีตั้งแต่สมัยอาณาจักรศรีวิชัย ในอดีตเป็นสถานที่บำเพ็ญพรตของบรรดาพระฤาษีผู้มีตบะแก่กล้ามากด้วยอิทธิฤทธิ์กฤตยาคม มีการถ่ายทอดสรรพวิชามหาเวทจากรุ่นสู่รุ่นจวบจนถึงพระฤาษีตนสุดท้ายนามว่า บรมครูลูจี ซึ่งบำเพ็ฐพรตอยู่ภายในถ้ำฉัตรทัณฑ์อันสงบวิเวก ต่อมาท่านได้หยั่งรู้ด้วยญาณวิเศษว่าภายภาคหน้าพระพุทธศาสนาจะเจริญรุ่งเรืองแผ่เข้ามาแทนที่ศาสนาพราหมณ์ในอาณาจักรนี้ จึงได้นิมนต์พระภิกษุสงฆ์ ผู้ทรงศีลบริสุทธิ์รูปหนึ่งให้มาจำพรรษาในถ้ำฉัตรทัณฑ์ พร้อมทั้งมอบถวายคัมภีร์ของปรมาจารย์และถ่ายทอดสรรพวิชามหาเวทมนตราให้อย่างครบถ้วน สือต่อมาพระภิกษุสงฆ์รูปนั้นก็ได้นำสรรพวิชาความรู้สงเคราะห์แก่พุทธศาสนิกชนทั่วไปจนปรากฏกิตติศัพท์เลื่องลือกล่าวขานกว้างไกล พระอาจารย์ทองหูยาน จึงนับเป็นปฐมปรมาจารย์ ผู้สถาปนาสำนักตักศิลามหาเวทเขาอ้ออันเกรียงไกรในแผ่นดิน

สำนักเขาอ้อผ่านกาลเวลามาเนิ่นนานหลายยุคหลายสมัย ในบางยุคก็เจริญรุ่งเรืองเลื่องชื่อลือกระฉ่อน แต่ในบางสมัยก็เสื่อโทรมร่วงโรยได้เสียงกล่าวขานถึง แต่ไม่ว่าจะในยุคใดสมัยใด สำนักตักศิลาวัดเขาอ้อแห่งนี้ก็ไม่เคยขาดศิษย์ดีมีวิชา ที่ได้รับการสืบทอดพุทธามหาเวทกันมาอย่างต่อเนื่องเฉกเช่นปูชนียบุคคลสองท่านผู้ล่วงลับไปแล้วคือ พระครูอดุลธรรมกิตติ์ หรือ พ่อท่านกลั่น อัคคธัมโม และ พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช มือปราบหนังเนียวฆราวาสจอมขมังเวทได้สนองพระคุณสำนักครูบาอาจารย์ร่วมกันสร้างวัตถุมงคลอมตะอันทรงคุณค่ายิ่ง รุ่นขุนพันธ์พุทธาคมเขาอ้อ ในปี 2544 และ มงคลจักรวาลพุทธาคมเขาอ้อ ในปี 2545 เพื่อเผยแพร่ เกียรติคุณของวัดเขาอ้อสำนักตักศิลามหาเวท ให้เลื่องชื่อลือชาไปทั่วแผ่นดิน และนำปัจจัยมาบูรณะก่อสร้างเสนาสนะพัฒนาจนเจริญรุ่งเรืองตราบทุกวันนี้ คุณงามความดีของปูชนียบุคคลทั้งสองท่านได้จารึกไว้ในความทรงจำของบรรดาคณะศิษย์เขาอ้อทุกท่านอย่างไม่มีวันลืมเลือน

ในปี 2549 นี้ พ่อท่านห้อง รักษาการเจ้าอาวาสได้ร่วมกับ คุณณสรรค์ พันธรักษ์ราชเดช กตัญญูบุตรลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นของ พล.ต.ต.ขันพันธรักษ์ราชเดช ได้สืบสานกุศลเจตนาจัดสร้าง วัตถุมงคลอันทรงคุณค่า รุ่นหลักเมืองพุทธาคมเขาอ้อ ขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำปัจจัยบูรณะ ก่อสร้างศาลาบำเพ็ญกุศลหลังใหญ่ให้สำเร็จลุล่วงโดยเร็ว ด้วยชื่อเสียงเกียรติคุณของสำนักวัดเขาอ้อ ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจของคุณณสรรค์ พันธรักษ์ราชเดช ผู้มีผลงานสร้างสรรค์วัตถุมงคล รุ่น บูรณะหลักเมืองนครศรีฯ 2547 และหลักเมืองรุ่นพิเศษ 9 รอบ 9 พิธี 108 ปี ท่านขุนพันธ์ อันโด่งดังลือสนั่นเมืองได้รับความนิยมศรัทธาอย่างสูงในปัจจุบันนี้ ด้วยรูปแบบพิมพ์ทรงอันสวยงามวิจิตรตระการตาด้วยเนื้อหามวลสารอันเลิศล้ำและพิธีกรรมอันเข้มขลังอลังการ ซึ่งประกอบขึ้นถึง 9 วาระ มหามงคล ส่งผลให้วัตถุมงคลทรงคุณค่า รุ่น หลักเมืองพุทธาคมเขาอ้อ ได้รับความนิยมศรัทธาท้วมท้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์เพราะวัตถุมงคลมากมายหลายรายการได้มีผู้ให้ความศรัทธาสั่งจองหมดไปในระยะเวลาอันนั้นตั้งแต่เริ่มเปิดจองเมื่อวันที่ 1 กันยายน พ.ศ.2549

กำหนดพิธีกรรม 9 วาระมหามงคลอันเข้มขลังทรงพลัง (ครบถ้วนพลังธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ) วาระที่ 1 พิธีบวงสรวงเปิดถ้ำปลุกเสกปรุงยาวาสนามหาจินดามณี โอสถอันพิลาศ เลิศล้ำยอดยาในโลกแผ่นดิน ณ ถ้ำฉัตรทัณฑ์สำนักวัดเขาอ้อ ในวันที่ 5 กันยายน 2549 โดยมีอาจารย์ประจวบ คงเหลือ ศิษย์ฆราวาสเขาอ้อเป็นเจ้าพิธีกรรมและในพิธีมหามงคลครั้งนี้ ได้เกิดปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ พระอาทิตย์ทรงกลด และ ท้องฟ้าสีทองผ่องอำไพ เมื่อเสร็จพิธี วาระที่ 2 พิธีบวงสรวงขออนุญาติต่อองค์ปูนปั้น เบื้องพระพักตร์องค์ท้าวจตุคามและท้าวรามเทพ ณ วิหารพระทรงม้า วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร ในวันที่ 6 กันยายน 2549 วาระที่ 3 พิธีบวงสรวงขออนุญาติองค์พญาราหู ณ วัดเขาพระราหู จ.สุราษฎร์ธานี ในวันที่ 8 กันยายน 2549 วาระที่ 4 พิธีบวงสรวงขออนุญาติองค์พระโพธิสัตว์พังพะกาฬ ณ ศาลพังพะกาฬบ้านมะม่วงสองต้น ในวันที่ 10 กันยายน 2549 วาระที่ 5 พิธีบวงสรวงเททองนำฤกษ์และเปิดพิมพ์พระผงนำฤกษ์ ณ วัดหน้าพระบรมธาตุในวันที่ 1 ตุลาคม 2549 วาระที่ 6 พิธีปลุกเสกประจุกฤตยาคมเป็นปฐมฤกษ์ ณ ถ้ำฉัตรทัณฑ์ สำนักวัดเขาอ้อ ในวันเพ็ญ เดือน 12 (วันลอยกระทง) 5 พฤษจิกายน 2549 วาระที่ 7 พิธีอัญเชิญจ้าวสมุทรบวงสรวงปลุกเสกกลางทะเล จ.ชุมพร ในวันที่ 12 พฤศจิกายน 2549 วาระที่ 8 พิธีบวงสรวงพุทธาภิเษกเทวาภิเาก ณ ศาลหลักเมือง จ.นครศรีธรรมราช ในวันที่ 19 พฤศจิกายน 2549 วาระที่ 9 พิธีบวงสรวงสมโภชพุทธาภิเษกกลางหาว ณ วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร ในวันที่ 26 พฤศจิกายน 2549 นับเป็นครั้งแรกที่ได้มีการบวงสรวงขออนุญาติอัญเชิญทุกสรรพเทพ เทวให้มาสถิตย์ในองค์พระที่จัดสร้างเพื่อความสวัสดิมงคลแก่ผู้บูชาสักการะ

รูปแบบพิมพ์ทรง เป็นที่ประจักษ์โดยทั่วกันแล้วว่าวัตถุมงคลที่สร้างสรรค์โดยคุณณสรรค์ พันธรักษ์ราชเดช ทุกแบบพิมพ์จะมีความโดดเด่นเป็นที่กล่าวขานว่ามีความสวยงามมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว พระสุริยันจันทราท้าวจตุคามท้าวรามเทพ และพระสุริยันจันทราปิดตาโพธิสัตว์พังพะกาฬ รุ่น หลักเมืองพุทธาคมเขาอ้อ นี้ได้สรรค์สร้างแบบพิมพ์หลีกหนีทรงกลมที่ซ้ำซากจำเจโดยกำหนดรูปทรงให้เป็น ดอกมณฑาทิพย์บุบผาในแดนสวรรค์ ซึ่งมีกล่าวไว้ในตำนาน หลวงพ่อทวด ทำให้แลดูสวยงามตระการตายิ่งยอดไม่ซ้ำแบบใคร พิมพ์ท้าวจตุคามท้าวรามเทพ กำหนดกึ่งกลางให้ประทับไว้ด้วย องค์ท้าวจตุคาม บนบัลลังค์นาคราชซึ่งหันเศียรออกด้านข้าง รายรอบชั้นนอกประทับไว้ด้วย องค์พญาราหู 8 ตน 8 ทิศเหนือเวลาและชั้นถัดมาประทับไว้ด้วย องค์พญาราหู 8 ตน 8 ทิศ เหนือพสุธา และใต้บาดาล รวม 16 ตนเท่าจำนวน โสฬสมมหามงคล ปกปักษ์รักษาคุ้มครองผองภัยเสริมดวงชะตาราศีบันดาลผลพูนทวีเจริญรุ่งเรืองทั่วทุกทิศทั้งไตรภพ ด้านหลังกึ่งกลางประทับไว้ด้วยรูปจำลองศาลหลักเมือง รายล้อมด้วย นักษัตรทั้งสิบสอง สัญญลักษณ์แห่งเมืองนครศรีธรรมราช รอบนอกประทับไว้ด้วย องค์ท้าวจตุคามและองค์ท้าวรามเทพ สี่ทิศครบถ้วนพระโพธิสัตว์องค์พี่องค์น้อง พิมพ์ปิดตาพระโพธิสัตว์พังพะกาฬ สลักเสลาแบบพิมพ์ได้อย่างคมชัดอยู่กึ่งกลาง แผ่ประกายรัศมีรอบองค์แลดูเข้มขลังอลังการสวยงามตระการตา ด้านหลังกึ่งกลางอัญเชิญรูปจำลองศาลหลักเมือง ประทับไว้รายล้อมด้วยนักษัตรทั้งสิบสอง สัญญลักษณ์เมืองสองสองแห่งที่พระเจ้าจันทรภาณูและขุนศึกพังพะกาฬ แผ่อำนาจบารมียึดครองได้เป็นเมืองบริวาร รอบนอกประทับไว้ด้วย องค์พญาราหู 8 ตน 8 ทิศ และ พระยันต์นอโมนะมหามงคล ซึ่งเป็นยันต์ศักดิ์สิทธิ์ แห่งสำนักเขาอ้ออันเกรียงไกรในแผ่นดิน มวลสารส่วนผสม จากผงมวยสารในรุ่น ขันพันธ์พุทธาคมเขาอ้อ ปี 2544 และมงคลจักรวาลพุทธาคมเขาอ้อ ในปี 2545 รวม 6 พิธีกรรมมหามงคลมาสู่บูรณะหลักเมืองนครศรีฯ 2547 พุทธศิลป์ย้อนยุควัดนาสน ไตรภาคีศีนครวัดนางตรา พุทธามหาเวทวัดศาลาไพ พระเสื้อเมืองพระทรงเมืองวัดหน้าพระธาตุ หลักเมือง รุ่นพิเศษ 9 รอบ 9 พิธี 108 ปี ท่านขุนพันธ์ มวลสารทุกรุ่นผ่านพิธีทับถมกันมานับครั้งมิถ้วนผสมผสานด้วยผงมหามงคลสูงสุดจากพระผงพุทธชินณราช ภ.ป.ร. ซึ่งจัดสร้างด้วย ผงพระเบญจภาคีและผงในหลวงพระราชทาน คือผงจิตรดา ผงทรงคุณค่าเลิศล้ำเข้มขลังกฤตยาคมทั้งหมดนี้ได้อัญเชิญมาสู่วัตถุมงคล รุ่น หลักเมืองพุทธาคมเขาอ้อ และไม่ละเลยแต่งเติมด้วย ผงไม้ตะเคียนเก่าเสาหลักเมือง ที่ทรงพลานุภาพ รวมทั้งผงยาวาสนาจินดามณี โอสถอันพิลาศเลิศล้ำยอดยาในโลกแผ่นดิน ดังนั้นถึงแท้แน่นอนในคำว่า มวลสารเลิศล้ำ สุดยอดวัตถุมงคล

ย้อนรอยตำนาน สืบสานศรัทธา วัตถุมงคลหลักเมืองย้อนยุค ปี 2530 – 2532 ถูกจัดในทำเนียบพระดังเมืองใต้ที่โด่งดังลือลั่นสนั่นเมืองได้รับความนิยมเป็นที่แสวงหากล่าวขานไม่รู้จบ อีกทั้งยังมีค่านิยมสูงจนยากที่จะมีไว้ในครอบครอง วัตถุมงคลหลักเมืองย้อนยุคแรก นี้มีความเกี่ยวข้องกับวัดเขาอ้ออยู่มากประการ เนื่องเพราะ พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช เจ้าพิธีกรรมได้ดำเนินความเข้มขลัง ตามศาสตร์แห่งเขาอ้อ สำนักครูบาอาจารย์ และพระเกจิอาจารย์ผู้นั่งปรกปลุกเสกก็ได้นิมนต์ สายเขาอ้อ เป็นหลักใหญ่ อีกทั้งยังได้นำวัตถุมงคลไปประกอบพิธีประจุพุทธาคมภายในสำนักวัดเขาอ้อ อีกด้วย ดังนั้นวัตถุมงคลรุ่นหลักเมืองพุทธาคม จึงได้จัดสร้างย้อนตำนานความศักดิ์สิทธิ์เข้มขลังให้บังเกิดขึ้นอีกวาระหนึ่ง จึงนับเป็นสิ่งมงคลสักการะสืบสานศรัทธาที่ควรมีไว้บูชาเพื่อความเป็นศิริมงคลสูงสุดอย่างยิ่ง

พระผงสุริยันจันทรา ท้าวจตุคาม ท้าวรามเทพ







พระผงสุริยันจันทรา พระปิดตาโพธิสัตว์พังพะกาฬ







เหรียญสุริยันจันทรา ท้าวจตุคาม ท้าวรามเทพ







เหรียญสุริยันจันทรา พระปิดตาโพธิสัตว์พังพะกาฬ







เหรียญเสมารุ่นแรก หลวงพ่อทวด





















ประมวลภาพพิธีกรรม



พิธีกรรมวาระที่ 1 วัตถุมงคลรุ่นหลักเมืองพุทธาคมเขาอ้อ ได้ประกอบพิธีบวงสรวงปลุกเสกปรุงยาวาสนามหาจินดามณี โอสถอันพิลาศ เลิศล้ำยอดยาในโลกแผ่นดิน ภายในถ้ำฉัตรทัณฑ์อันศักดิ์สิทธิ์ของสำนักตักศิลาวัดเขาอ้อเมื่อวันที่ 5 กันยายน 2549 โดยมีอาจารย์ประจวบ คงเหลือ ศิษย์ฆราวาสสำนักเขาอ้อเป็นเจ้าพิธีกรรมและมีพระเกจิอาจารย์ในสายเขาอ้อ 9 รูปสวดเจริญภาวนา 15.41 น. อาจารย์ประจวบ คงเหลือ อ่านโองการอัญเชิญเทพยดาครูบาอาจารย์ ในขณะนั้นได้บังเกิดปรากฏการณเหนือธรรมชาติ พระอาทิตย์ทรงกลด แสดงให้เห็นว่าเทพยดาปรมาขารย์และเจ้าป่าเจ้าเขาอนุโมทนาอำนวยอวยชัยในพิธีกรรมครั้งนี้ ทั้งๆที่แสงอาทิตย์เจิดจ้า ภายในถ้ำร้อนอบอ้าว แต่เมื่อพระเกจิอาจารย์เริ่มเจริญภาวนาท้องฟ้ากลับแปรเปลี่ยน เมฆฝนเคลื่อนคล้อยเข้ามาแทนที่และสายฝนก็ได้โปรยปรายลงมาหนักบ้างเบาบ้างเป็นระยะสลับกับเสียงฟ้าร้องคำรามเลื่อนลั่น ทำให้บรรยากาศภายในถ้ำร่มรื่นสงบเงียบเย็นสบาย หลังจากเสร็จพิธีท้องฟ้าซึ่งฝนขาดเม็ดแล้วเปิดโปร่งปรากฏแสงนวลเหลืองทองผ่องอำไพ แซมด้วยสายรุ้งทอพาดผ่านผืนฟ้า พ่อท่านคล้อย วัดภูเขาทองกล่าวว่า ได้นิมิตรเห็นปรมาจารย์ของสำนักมาร่วมอำนวยอวยชัยกันหลายท่านและจากปรากฏการณ์ที่บังเกิดขึ้นยืนยันได้ว่า วัตถุมงคลรุ่นนี้จะได้รับความนิยมโด่งดังอย่างแน่นอน

พิธีกรรมวาระที่ 2 เมื่อเช้าตรู่วันที่ 6 กันยายน 2549 เวลา 06.19 น. คณะพราหมณ์และคุณณสรรค์ พันธรักษ์ราชเดช ได้ประกอบพิธีบวงสรวงองค์ท้าวจตุคามและองค์ท้าวรามเทพ ณ วิหารพระทรงม้า วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร เพื่อขออนุญาตจัดสร้างวัตถุมงคลรูปเหมือนของทั้งสองพระองค์ และขออัญเชิญท่านสถิตย์ในวัคถุมงคลทุกองค์ในรุ่นหลักเมืองพุทธาคมเขาอ้อ

พิธีกรรมวาระที่ 3 พิธีบวงสรวงขออนุญาติองค์พญาราหู ณ วัดเขาราหู จังหวัด สุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2549

พิธีกรรมวาระที่ 4 บวงสรวงขออนุญาติองค์พระโพธิสัตว์พังพะกาฬ ณ ศาลพังพระกาฬ บ้านมะม่วงสองต้น กล่าวกันว่าสถานที่แห่งนี้ในอดีตเป็นบ้านเกิดของพังพะกาฬทารกน้อยซึ่งพญางู คาบแก้วมาคายในเปล เห็นศาลของท่านแล้วมีความรู้สึกที่บอกไม่ถูกเพราะไม่อลังการสมกับความยิ่งใหญ่เกรียงไกรของท่าน

พิธีกรรมวาระที่ 5 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 1 ตุลาคม 2549 พิธีกรรมมหามงคลวาระที่ 5 บวงสรวงเททองเปิดพิมพ์พระผงนำฤกษ์ได้อุบัติขึ้นอย่างเพียบพร้อมสมบูรณ์ยิ่งใหญ่อลังการ ณ มณฑลพิธีวัดหน้าพระบรมธาตุ ความศักดิ์สิทธิ์เข้มขลังแห่งพิธีกรรมได้ปรากฏเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาเมื่อพระอาทิตย์ทรงกลดเหนือมณฑลพิธีถึง 2 ครั้ง คือในช่วงบ่ายโมงเมื่อนำธงประธานขึ้นสู่ยอดเสากลางพิธี จากนั้นได้ปรากฏอีกครั้งเวลาบ่ายโมง สามสิบเก้านาทีขณะประกอบพิธีบวงสรวงอัญเชิญเทพยดาทั่วท้องจักรวาล ตลอดระยะเวลาหาได้มีฝนตกทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ตกหนักทุกวัน มีเพียงละอองฝนโปรยเบาบางคล้ายเทพยดาพรมน้ำมนต์ขณะประกอบพิธีเททอง และขณะที่พระจันทร์กำลังทรงกลด นับเป็นพิธีแห่งศักดิ์สิทธิ์เข้มขลังอีกวาระหนึ่งของหลักเมืองพุทธาคมเขาอ้อ

พระเกจิอาจารย์ผู้เรืองวิทยาคมขลังนั่งปรกภาวนา



มหาชนมาร่วมในพิธีมากมายล้นหลาม เป็นภาพที่เห็นชินตา ในพิธีกรรมวัตถุมงคลที่จัดสร้างโดยคุณ ณสรรค์ พันธรักษ์ราชเดช ขอย้ำว่าภาพที่รวมศรัทธามหาชนเช่นนี้ ใช่ว่าจะเกิดขึ้นในพิธีอื่นใด