ศาลหลักเมืองนครศรีธรรมราช
ลำดับขั้นตอนการสร้างหลักเมืองนครศรีธรรมราช
- คณะอนุกรรมการสร้างสิ่งสำคัญทางประวัติศาสตร์ ในคณะกรรมการส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งมีนายเอนก สิทธิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน มีมติให้สร้างหลักเมืองนครศรีธรรมราชขึ้น ในคราวประชุมวันที่ 14 มกราคม 2528 ในการนี้ได้มอบหมายให้พลตำรวจตรีขุนพันธรักษ์ราชเดช (อดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรภาค 8) พันตำรวจเอกสรรเพชญ ธรรมมาธิกุล(ผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช) และพระเทพวราภรณ์เจ้าอาวาสวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร จัดตั้งคณะทำงานจัดสร้างหลักเมืองนครศรีธรรมราชขึ้น
- คณะทำงานดังกล่าวได้เริ่มต้นจัดหาไม้ตะเคียนทอง มาเพื่อสร้างเป็นเสาหลักเมืองโดยหามาจากยอดเขาเหลือง เดิมกำหนดจะจัดทำในบริเวณจวนผู้ว่าราชการจังหวัด แต่หลายคนเห็นว่าจะไม่สะดวกในการปฏิบัติ จึงเปลี่ยนไปใช้สถานที่บ้านพักผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราชแทน
- เสาหลักเมืองมีรูปแบบและขนาดความกว้างยาว เป็นไปตามหลักการตามที่พลตำรวจตรีขุนพันธรักษ์ราชเดชแนะนำ คือ เสาแกะสลักเป็นลวดลายศรีวิชัยประกอบด้วยอักขระโบราณ ยอดเสาเป็นเศียรพระพรหมแปดเศียรซ้อนกันสองชั้น(ชั้นละสี่เศียร)ยอดบนสุดเป็นยอดชัยหลักเมือง หุ้มด้วยทองคำ
- เพื่อให้ถูกตามธรรมเนียมนิยมจึงกำหนดให้มีพิธีสำคัญที่เกี่ยวเนื่องสองพิธีคือ 4.1 พิธีฝังหัวใจสมุทรและฝังหัวใจเมือง ประธานในพิธีคือนายเอนก สิทธิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดซึ่งได้รับมอบหมายจากพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรี โดยประกอบพิธีที่สี่แยกคูขวาง เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2529 4.2 พิธีเบิกเนตรหลักเมือง เจ้าพิธีคือพลตำรวจตรีขุนพันธรักษ์ ราชเดช จัดพิธี ณ บริเวณสนามหน้าเมืองนครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2530
- จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้รับเกียรติ จากพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรีเป็นประธานในพิธีมอบหลักเมืองให้แก่ทางราชการจังหวัดนครศรีธรรมราชโดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช(นายสุกรี รักษ์ศรีทอง) เป็นผู้รับมอบเมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2530
- ในระหว่างดำเนินการสร้างหลักเมือง ได้เกิดความขัดแย้งระหว่างผู้ว่าราชการจังหวัด (นายสุกรี รักษ์ศรีทอง) และรุนแรงขึ้นจนกระทรวงมหาดไทยได้โยกย้ายคู่กรณี และแต่งตั้งรองผู้ว่าราชการจังหวัด(ร้อยตรีอำนวย ไทยานนท์)รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัด
- จังหวัดได้รายงานให้กระทรวงมหาดไทยกราบบังคมทูลเสด็จพระราชดำเนินจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อทรงประกอบพิธีนำกลีบบัวทองคำขึ้นประกอบปลียอดพระบรมธาตุเจดีย์ และ ทรงเจิมทรงพระสุหร่ายยอดชัยหลักเมือง ในการนี้ได้เสนอวันอันเป็นมงคลไปด้วย คือวันที่ 3 สิงหาคม 2530 ซึ่งตรงกับวันขึ้น 9 ค่ำ เดือน 9 ในเวลาต่อมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชเสด็จแทนพระองค์เป็นประธานยกกลีบบัวทองคำขึ้นประกอบปลียอดพระบรมธาตุเจดีย์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนวันที่ 3 สิงหาคม 2530
- ปลาย เดือนกรกฏาคม 2530 กระทรวงมหาดไทยแจ้งจังหวัดว่า ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้จังหวัดนำยอดชัยหลักเมืองเข้าไปยังตำหนักจิตรลดารโหฐาน เพื่อทรงเจิมทรงพระสุหร่าย ในวันที่ 3 สิงหาคม 2530 เวลาประมาณ 16.00 น.
- จังหวัดนครศรีธรรมราชโดยรองผู้ว่าราชการจังหวัดรักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดและคณะ ประกอบด้วย นายสัมพันธ์ ทองสมัคร(รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ) นายกำจร สถิรกุล (ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย)นายอนันต์ อนันตกุล (เลาธิการคณะรัฐมนตรี) นายศิริชัย บุลกุล(วุฒิสมาชิก) เข้าเฝ้าโดยมีนายพิศาล มูลศาสตร์สาทร ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้นำเข้าเฝ้า ในโอกาส นี้ข้าราชการและประชาชนผู้ร่วมจัดสร้างหลักเมือง ได้นำเอาวัตถุมงคลและผ้ายันต์จำนวนมากทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายด้วย ในวันนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงเจิมทรงพระสุหร่ายหลักเมืองนครศรีธรรมราช พร้อมกับหลักเมืองจังหวัดศรีสะเกษและจังหวัดชัยนาทด้วย
- วันที่ 4 สิงหาคม 2530 คณะได้นำยอดชัยหลักเมืองกลับจังหวัดนครศรีธรรมราชโดยทางเครื่องบิน มีขบวนช้างม้า และประชาชนจำนวนนับหมื่นคนจัดขบวนต้อนรับแห่จากท่าอากาศยานกองทัพภาคที่ 4 มาสู่ที่ตั้งหลักเมืองในปัจจุบันนี้
- จังหวัดได้ประกอบพิธีอัญเชิญหลักเมืองขึ้นสู่ศาลถาวร โดยนายนิพนธ์ บุญญภัทโร(ผู้ว่าราชการจังหวัด)เป็นประธาน
- ได้ทำการก่อสร้างศาลหลักเมืองขึ้นในที่ดินราชพัสดุตามที่ทางจังหวัดขออนุญาตโดยสร้างเป็นศาลด้วยทรงเหมราชสีลา ก่ออิฐถือปูนสามชั้น ส่วนยอดบนเป็นทรงแหลม ภายในศาลพื้นปูด้วยหินอ่อน ฝาผนังจากพื้นขึ้นมาหนึ่งเมตรปูด้วยหินอ่อน มีการสลักดุนประวัติความเป็นมาของหลักเมือง มีบันไดขึ้นลงทั้งสี่ด้านเชิงบันไดเป็นรูปพญางูทะเลแผ่แม่เบี้ย รอบศาลหลักเมืองมีศาลเล็กสี่มุม รูปทรงเป็นลักษณะเช่นเดียวกับศาลหลักเมือง แต่ลดขนาดลง
- การก่อสร้างศาลหลักเมืองก็ดำเนินต่อไปไม่หยุดยั้ง โดยมีรายได้จากเงินบริจาค จากศิษย์ และผู้มีจิตศรัทธา บางท่านบริจาคเป็นวัสดุก่อสร้าง มีการจำหน่ายวัตถุมงคลธูปเทียนและทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดมอบหมายให้นายอำเภอ ไทยานนท์รองผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นผู้ประสานงานดำเนินการเกี่ยวกับศาลหลักเมืองเต็มตัว
- วันที่ 31 ตุลาคม 2531 จัดพิธีสวมยอดชัยหลักเมือง โดยพลเอกสุจินดา คราประยูร รองผู้บัญชาการทหารบก(ตำแหน่งในเวลานั้น)
- ล่วงถึงปีพุทธศักราช 2533 การก่อสร้างศาลหลักเมืองแล้วเสร็จประมาณ 35 % สิ้นเงินประมาณ 4 ล้านบาท การก่อสร้างยังคงดำเนินการต่อไปแต่ไม่อาจจะเร่งงานได้ เพราะฤดูฝนเป็นอุปสรรค นอกจากนั้นต้องดำเนินการตามเวลาฤกษ์อันเป็นมงคลตามที่พลตำรวจตรีขุนพันธรักษ์ราชเดชกำหนด การก่อสร้างโดยการจ้างแรงงาน และวัสดุก่อสร้างเป็นของคณะทำงานก่อสร้างก่อสร้างหลักเมืองและผู้มีจิตศรัทธา
- งานก่อสร้างศาลหลักเมืองชะงักไประยะหนึ่ง คือในช่วง พ.ศ.2536-2540 ล่วงถึง พ.ศ.2541 ในสมัยที่นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ มาดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้พิจารณาเห็นว่าปูชะนียสถานแห่งนี้ควรที่จะได้รับการบูรณะให้เสร็จสิ้นสมบูรณ์เป็นศรีสง่าและเป็นที่เคารพสักการะของชาวเมืองอีกแห่งหนึ่งจึงจัด "โครงการบูรณะก่อสร้างศาลหลักเมืองนครศรีธรรมราช" เพื่อให้แล้วเสร็จทันการเฉลิมฉลองในวโรกาสที่พระบาทสมพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระชนมายุครบ 72 พรรษา พร้อมกันนั้นได้แต่งตั้งคณะกรรมการบูรณะก่อสร้างศาลนี้ตามคำสั่ง จังหวัดนครศรีธรรมราชที่ 235/2541 ลงวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2541 กรรมการชุดนี้ได้ดำเนินการประชาสัมพันธ์ หาทุน ออกแบบและควบคุมการก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง และรายงานผลการดำเนินงานต่อผู้ว่าราชการจังหวัดภายในวันที่ 5 ของทุกเดือน