ศาลหลักเมืองนครศรีธรรมราช
รูปลักษณ์หลักเมืองนครศรีธรรมราช
หลักเมืองนครศรีธรรมราชที่สร้างขึ้นและประดิษฐานในศาลอันโดดเด่นเป็นสง่า ณ บริเวณสนามหน้าเมืองนครศรีธรรมราช มีรูปลักษณ์และองค์ประกอบที่ช่างผู้ สลักบรรจงแกะขึ้น ตั้งแต่ฐานถึงยอดมีลวดลายเก้าแบบ ทุกแบบแกะสลักขึ้นด้วยคติธรรมความเชื่อในเรื่องกฎวัฏจักรและโลกธรรมเป็นหลัก กล่าวคือ
- ฐานวงกลมเก้าชั้น ประดิษฐจากความเชื่อที่ว่า มนุษย์ทุกรูปทุกนามมีต้นกำเนิดมาจากดินเมื่อถึง กาลดับขันธ์ก็จะสลายร่างกลายเป็นดิน ทุกอย่างเป็นอนิจจัง จึงควรเตือนสติให้ระลึกว่า มงคลคาถาเก้าประการเท่านั้นที่จะช่วยให้มนุษย์ซึ่งเวียนว่ายตายเกิดในโลกนี้ มีดวงตามองเห็นธรรม ทั้งเป็นความหมายบอกเป็นนัยให้รู้ว่า หลักเมืองที่ปรากฏขึ้นใหม่นี้สถิตในแผ่นดินรัชกาลที่ 9 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
- ลวดลายมงคลเล็ก ประดิษฐจากความเชื่อที่ว่า ทุกคนที่เกิดมาเมื่อลืมตาดูโลก ไม่ว่าจะยากดีมีจนอย่างไร ย่อมเป็นทารกที่สะอาดบริสุทธิ์ เสมือนดังผ้าขาวไม่มีรอยเปื้อน น่ารักใคร่ทะนุถนอม ไม่เป็นพิษเป็นภัยต่อผู้ใด ถือเป็นสิ่งมงคลขนาดย่อม แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไป สังคมและสิ่งแวดล้อมมีส่วนทำให้ความบริสุทธิ์และสะอาดแปรเปลี่ยนไป
- ลวดลายดอกและในลำโพง(ลายแรก) ประดิษฐจากความเชื่อที่ว่าเมื่อมนุษย์เติบโตขึ้นย่อมถูกครอบงำด้วยอารมณ์ กิเลส ตัณหา ราคะ ความมัวเมาทั้งปวง สันดานและสภาพแวดล้อมจะหล่อหลอมปรุงแต่งให้คนกลายเป็นผู้เร่าร้อนเป็นทุกข์ อยากได้ อยากมี ไม่มีขอบเขตจำกัด อ่อนไหวหันเหไปตามอารมณ์เบื้องต่ำ เสมือนต้นลำโพง พันธุ์ไม้พื้นเมืองที่มีพิษ สามารชุบย้อมจิตใจอารมณ์ให้เปลี่ยนแปลงไปได้ สัญลักษณ์แห่งความชั่วนี้จะครอบงำมนุษย์เพิ่มขึ้นตามสภาพแวดล้อมที่ถูกห่อหุ้มด้วยกิเลส
- ลวดลายเล็บช้างและน่องสิงห์ ประดิษฐจากความเชื่อที่ว่า บนเส้นทางแห่งความดีและความชั่วนั้น เมื่อยังอยู่ในเยาว์วัย บิดามาดาและครูบาอาจารย์จะต้องคอยควบคุมดูแลสั่งสอนปลูกฝังขัดเกลา มิให้หันเหไปในทางชั่ว หรือประพฤติผิดทำนองคลองธรรม ควรตั้งอยู่บนเหตผลและทราบถึงความถูกความผิด
- ลวดลายดอกและใบลำโพง(ลายที่สอง) ประดิษฐจากความเชื่อที่ว่า เมื่อเจริญเติบโตพ้นจากอ้อมอกพ่อแม่ครูบาอาจารย์ ย่อมสามารถจำแนกความดีชั่วได้ว่า สิ่งใดถูกสิ่งในผิด หากปล่อยตัวปล่อยใจเสมือนเสพดอกและใบลำโพง เลือกประพฤติปฏิบัติไปในทางชั่วมัวเมา วิถีชีวิตก็จะพบแต่ความทุกข์เร่าร้อน หาความเจริญเป็นสิริมงคลมิได้ เวียนว่ายอยู่บนกองทุกข์แม้จะมีความสุขบ้างแต่ก็เป็นเสมือนลมพัดผ่านชั่วครู่ชั่วยาม
- ลวดลายขดมงคล ประดิษฐจากความเชื่อที่ว่า มนุษย์เป็นสัตว์โลกที่มีเหตุผลและมีความคิดรู้จักจำแนกเลือกเฟ้นความดีความชั่ว รู้จักสร้างสมขนบเนียมประเพณี และ อารยธรรม จนพัฒนาก้าวหน้าไม่หยุดยั้ง สิ่งที่ดีงามย่อมเป็นมรดกตนทอดไปสู่ลูกหลาน แม้ว่ากิเลส ตัณหา ราคะ และอารมณ์เบื้องต่ำจะคอยก่อกวนชักจูง แต่หากรู้จักเลือกทางที่ดีแล้ว ก็จะทราบถึงเหตุถึงผล แสวงหาทางดับทุกข์จนดำเนินชีวิตอย่างมีความสงบสุขไปตามธรราชาติได้ เป็นสัจธรรมที่มั่นคงยั่งยืน สมดังสัจธรรมที่ว่าทำดีได้ดี และธรรมย่อมชนะอธรรมเสมอ
- ลวดลายน่องสิงห์(ลายแรก) ประดิษฐจากความเชื่อที่ว่า สัจธรรมเบื้องต้นที่จำแนกความดีความเลว ของมนุษย์นั้น เป็นแต่เพียงงความรู้สึกสำนึกขั้นหยาบที่สามารถระลึกเองได้ แต่ไม่อาจเข้าถึงพระอภิธรรมขั้นละเอียดอ่อน หรือโลกธรรมขั้นสูงได้ จึงจำเป็นต้องมีกฎหมายบ้านเมืองมาเป็นเครื่องรองรับคอยกำกับบังคับมิให้ผู้คนละเมิดหลักนิติธรรม
- ลวดลายมงคลรอบเสา ประดิษฐจากความเชื่อที่ว่า พระรัตนตรัยอันเป็นที่พึ่งของสัตว์โลกทั้งหลายจะช่วยชี้ช่องทางให้มนุษย์มีดวงตาเห็นธรรม เข้าถึงพระพุทธศาสนา ช่วยให้คนพ้นจากความเป็นสัตว์ ผู้ใดศรัทธาเลื่อมใสประพฤติปฏิบัติครบถ้วนแล้ว ผู้นั้นล่วงพ้นวัฏสงสาร ไม่ต้องกลับมาเวียนว่ายตายเกิด หากดำรงชีวิตอยู่ก็ทราบถึงต้นเหตุแห่งทุกข์ รู้วิถีทางดับทุกข์ มีแต่ความร่มเย็นเป็นสุขไปตามฐานะ จิตใจสงบเยือกเย็นด้วยแสงแห่งพระรัตนตรัย
- ลวดลายบัวคว่ำบัวหงาย ประดิษฐ์จากความเชื่อที่ว่า องค์จตุคามรามเทพปฐมกษัตริย์ชาวศรีวิชัยได้รู้แจ้งเห็นจริงในสัจธรรมของพระพุทธศาสนา หยั่งถึงความดีความชั่วอันเป็นธรรมชาติของมนุษย์ จึงศรัทธาเลื่อมใสต่อพระพุทธศาสนาอย่างแรงกล้า มุ่งหวังให้ชาวศรีวิชัยทุกรูปทุกนามไดรับแสงแห่งพระรัตนตรัย จึงอุทิศทรัพย์ศฤงคารทั้งปวงสร้างพระธาตุเพื่อเป็นพุทธบูชา ปราบปรามเหล่าจัณฑาลชั่วช้ามิให้ก่อความเดือดร้อนในแผ่นดิน แผ่บรมเดชานุภาพไปทั่วทะเลใต้ มีบุญฤทธิ์ อิทธิอภินิหารยิ่งใหญ่จนได้รับสมญาว่าพระเจ้าจันทรภาณุ ผู้ทรงขจัดความมืดมัวในโลกดุจดังพระอาทิตย์และพระจันทร์ ซึ่งส่องชี้ให้เห็นความดีความชั่วปวง ผู้ใดกระทำความดีก็จะได้รับผลดีตอบสนอง ผู้ใดกระทำความชั่วก็จะถึงการวิบัติพินาศไปในที่สุด
- ลวดลายน่องสิงห์(ลายที่สอง) ประดิษฐ์จากความเชื่อที่ว่า ความดีความชั่วเป็นสิ่งสามัญที่เกิดขึ้นควบคู่กับมนุษย์ แม้ว่าขนบธรรมเนียม ประเพณี ศาสนา บิดามารดา ครูบาอาจารย์ จะได้อบรมสั่งสอน ปลูกฝังขัดเกลาให้ละเว้นจากความชั่วร้ายทั้งปวง ดำเนินชีวิตให้เป็นประโยชน์สุขแก่สังคม แต่ยังมีบรรดาเหล่าทรชนผู้ไม่รู้จักบาปบุญคุณโทษ เหมือนกับสุนัขพึงใจกับอาจม เมื่อมีการสถาปนาหลักเมืองขึ้นแล้ว องค์ราชันจตุคามรามเทพจะสำแดงเทวอำนาจให้ปรากฏแก่ชาวเมือง จะควบคุมความเป็นไปของบ้านเมืองให้ดำเนินไปตามทำนองคลองธรรม ส่งเสริมผู้กระทำความดี และล้างผลาญทำลายผู้ก่อกรรมทำชั่ว
- รูปพรหมสี่หน้า(ใหญ่) ประดิษฐ์จากความเชื่อเรื่อง สัญลักษณ์ของเทวดารักษาเมืองผู้รอบรู้สรรพศาสตร์ทั้งหลายและเข้าถึงพระอภิธรรมขั้นสุดยอด ประกอบด้วยทิยญาณหยั่งรู้ไตรโลก คืออดีต ปัจจุบัน อนาคต มีอำนาจอภิสิทธิ์เหนือชีวิตมนุษย์ สามารถสำแดงอภินิหารในร่างแปลง ประดุจดังพระพรหมสี่หน้าอันมีต้นแบบมาจากบานประตูทางขึ้นองค์พระบรมธาตุเจดีย์(ในวิหารพระทรงม้า) เพื่อเตือนสติให้ทราบว่า การประกอบกรรมชั่ว แม้จะเร้นลับสายตาผู้คน สามารถปกปิดซ่อนเร้น หรืออาจหลอกลวงมนุษย์ธรรมดาได้ แต่เทพเจ้าประจำหลักเมืองยังมองดูอยู่ทั้งสี่ทิศ จึงไม่อาจรอดพันสายตาไปได้เลย
- รูปพรหมสี่หน้า(เล็ก) ประดิษฐ์เป็นสัญลักษณ์ของเทวดารักษาเมืองประจำทิศน้อยทั้งสี่ แสดงความนัยให้ทราบว่า ไม่ว่าชาวนครจะอยู่สารทิศใด ทิศตรง ทิศเฉียง ต้อวงเกรงกลัว และละอายต่อบาป ไม่ว่าในที่ลับหรือที่แจ้ง การก่อกรรมทำชั่วไม่อาจซ่อนเร้นปิดบังให้พ้นเทวดาฟ้าดินได้เลย
- เปลวเพลิงยอดพระเกตุ ประดิษฐเป็นสัญลักษณ์ความมีชัยนะของชาวเมืองนครที่จะมาถึงในวันข้างหน้า บ้านเมืองจะแปรเปลี่ยนไปสู่ความรุ่งโรจน์และกลายเป็นอู่อารยธรรมของคาบสมุทรไทยอีกครั้ง เหมือนดังเคยเป็นมาแต่ครั้งพุทธศตวรรษที่ 18 ขอบารมีพระบรมธาตุอันศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ร่วมกับหลักเมืองนครศรีธรรมราช จงช่วยคุ้มครองปกป้องอภิบาลคนดีให้อยู่รอดปลอดภัย ผู้ใดมีจิตคิดและทำอกุศลกรรมหนัก ขอได้ช่วยดลจิตใจให้ผู้นั้นลดกระทำลงมาให้มีส่วนเหลือเพียงน้อย ผู้ใดทำชั่วน้อยๆ ก็ขอจงได้ลดละเลิกหันมาบำเพ็ญกรรมดี ทั้งนี้เพื่อความผาสุกสวัสดิมงคลแก่เมืองมาตุภูมิของตนสืบไป
- ยังมิทันที่การก่อสร้างจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ ก็ย้างไปดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงมหาดไทย ขณะเดียวกันกระทรวงก็แต่งตั้งนายสวัดิ์ กฤตรัชตนันต์มาเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดแทน
- นายสวัสดิ์ กฤตรัชตนันต์ ผู้ว่าราชการจังหวัดได้สานต่อโครงการบูรณะศาลหลักเมืองจนแล้วเสร็จสมบูรณ์ และกราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดศาลในวันใดวันหนึ่งสุดแต่พระราชอัธยาศัย
- พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมารเสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ทรงประกอบพิธีเปิดศาลหลักเมืองนครศรีธรรมราช อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อวันศุกร์ที่ 16 มิถุนายน พุทธศักราช 2543 ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 7 ปีมะโรงท่ามกลางความปลาบปลื้มปิติยินดีของพสกนิกรเป็นล้นพ้น